วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Softward Enterprise resource planning

Software Enterprise resource planning ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน

SAP (Systems Applications and Products in Data Processing) คือ โปรแกรมที่ช่วยจัดการสายงานทุกสายงานของธุรกิจให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ สามารถนำไปใช้ประกอบการดำเนินกิจกรรมของธุรกิจได้ และผู้บริหารสามารถเรียกดูข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลสถานะของบริษัทได้

โปรแกรม Sap จัดการข้อมูลสินค้า, การบริการ, จัดระบบการ miantenace เต็มรูปแบบ ตัวโปรแกรม มี feature หลายๆ แบบ สามารถให้ user เขียนโปรแกรมขึ้นมาใช้งานอย่างเป็นอิสระได้ ส่วนมากจะใช้กันในโรงงานอุตสหกรรม ระบบขนส่งใหญ่ๆ โปรแกรมสามารถออกแบบ work order, PO, Database, create stat , measureing data อีกหลายๆอย่าง

Oracle คือ โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล ผลิตโดยบริษัทออราเคิล ซึ่งเป็นโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ หรือ DBMS (Relational Database Management System) ตัวโปรแกรมนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางคอยติดต่อ ประสาน ระหว่างผู้ใช้และฐานข้อมูล ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานฐานข้อมูลได้สะดวกขึ้น เช่นการค้นหาข้มูลต่างๆภายในฐานข้อมูลที่ง่ายและสะดวก โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทราบถึงโครงสร้างภายในของฐานข้อมูลก้สามารถเข้าใช้ฐานข้อมุลนั้นได้

Lawson M3 หรือ ชื่อเดิม Movex เป็น ERP ขนาดใหญ่ที่รู้จักกันทั่วโลก โดยเฉพาะ ทางยุโรป โดดเด่นทางด้านการผลิตแบบซับซ้อน และ Technology Tool โดยมากจะรู้จักกันในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และโรงงานเหล็ก เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมี Software อื่นๆ ได้แก่ Baan Info, QAD, IFS, QAD, Ax เป็นต้น





การวางแผนทรัพยากรองค์กร Enterprise resource planning (ERP)

ERP สรุปได้เป็นโมดูลหลักๆ ได้ 5 โมดูลหลัก คือ


1. โมดูลด้านบัญชีและการเงิน (Account / Financial Module) รวมขั้นตอนการทำงานของระบบการทำบัญชีและบริหารการเงินไว้ด้วยกัน เพื่อให้แน่ใจบัญชีการจ่ายเงินต่างๆ ถูกจ่ายแล้ว และบัญชีการรับเงินถูกต้องและตรงเวลา รวมถึงการบริหารองค์กรในด้านการบัญชีและการเงินในทุกๆ ส่วนด้วย


2. โมดูลด้านการผลิต (Manufacturing Module) รวมขั้นตอนการทำงานของระบบการบริหารการผลิต ครอบคลุมระบบงานด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การวางแผนการผลิต การจัดการใบสั่งผลิต การส่งมอบสินค้าให้ลูกค้า การคิดต้นทุนการผลิต ได้แก่ ระบบควบคุมการผลิต ระบบควบคุมสินค้าคงคลัง ระบบการจัดซื้อ เป็นต้น


3. โมดูลด้านบริหารการจัดจำหน่าย (Distribution Module) รวบรวมระบบการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ระบบ การบริหารการขาย (Sales Management) ระบบวิเคราะห์ยอดขาย (Sale Analysis) ระบบการบริหาร ลูกค้าสัมพันธ์ (CRM-Customer Relationship Management) ระบบการคาดคะเนยอดขาย (Forecasting) ระบบการบริหารการสั่งซื้อ (Purchasing) รวมถึงการบริหารคลังสินค้าและวัตถุดิบ ได้แก่ ระบบบริหารงานขาย ระบบ CRM ระบบคำนวณค่าคอมมิชชั่น


4. โมดูลด้านโลจิสติกส์ (Logistics) รวบรวมจัดการสินค้าคงคลัง คลังสินค้า และวางแผนการควบคุมการผลิต

5. โมดูลด้านทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Module) โปรแกรมที่จำเป็นสำหรับงานบริหารบุคคล สำหรับผู้บริหารและพนักงาน โมดูลทรัพยากรบุคคลจะเป็นโมดูลที่มีความสัมพันธ์กับความสำเร็จและความล้มเหลวของระบบ ERP น้อยที่สุด โดยเฉพาะในประเทศไทย

ซึ่งการนำเอาระบบ ERP มาใช้ ไม่จำเป็นต้องมีโมดูลทั้งหมด สามารถนำมาประยุกต์ใช้ บางโมดูลก็ได้ ตามความเหมาะและ ประโยชน์ตามความจำเป็น

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เทคโนโลยี Cloud Computing กับ Big Data

เจญศักดา แจงบำรุง 

115310505434-6 สสค.4/53 C

Cloud Computing


       ในปัจจุบันบรรดาธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในประเทศไทยจำนวนมากยังไม่ได้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือไอซีที มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจอย่างเต็มที่ เหตุผลหลักประการหนึ่งก็คือ ข้อจำกัดเรื่องเงินทุน เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมาหากบริษัทใดต้องการใช้ระบบไอทีนั้นจะต้องลงทุนซื้อระบบมาติดตั้งเองทั้งหมด ซึ่งค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ข้อจำกัดนี้กำลังถูกทำลาย โดยเทคโนโลยีที่เรียกว่า "คลาวด์ คอมพิวติ้ง (Cloud Computing)"

     ระบบการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (cloud computing) คือ วิธีการประมวลผลที่อิงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยผู้ใช้สามารถระบุความต้องการไปยังซอฟต์แวร์ของระบบ Cloud Computing จากนั้นซอฟต์แวร์จะร้องขอให้ระบบจัดสรรทรัพยากรและบริการให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ สำหรับตัวระบบที่ให้บริการเองสามารถที่จะเพิ่มขีดความสามารถทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้

สำหรับองค์ประกอบของบริการ cloud computing สามารถแบ่งออกเป็น 3 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
1) ความต้องการ (Requirement) หมายถึง ปัญหาที่ผู้ใช้ต้องการให้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ไขปัญหาหรือตอบปัญหาตามที่ผู้ใช้กำหนดได้
2) ทรัพยากร (Resource) หมายถึง ปัจจัยหรือสรรพสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลหรือเกี่ยวข้องกับการแก้ไข ปัญหาตามความต้องการของผู้ใช้ เช่น CPU, Memory , Storage , Database, Information, Data, Network, Application Software, Remote Sensor เป็นต้น
3) บริการ (Service) หมายถึง การกระทำ (operation) เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่สนองต่อความต้องการของผู้ใช้(requirement)

ตัวอย่างของระบบ cloud computing ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ดังนี้


Amazon EC2 คือ cloud computing EC2 จาก Amazon Web Services ซึ่งมีผู้ใช้บริการมากมาย เช่น สำนักข่าว New York Times ใช้ในการสังเคราะห์ข่าวและจัดเก็บข่าวตั้งแต่ ค.ศ.1851 และเว็บไซต์ Facebook สำหรับการขยายความสามารถของระบบให้รองรับจำนวนผู้ใช้จำนวนมากที่เข้ามาใช้





Cloud Computing



Google Apps คือ cloud computing จากเว็บไซต์ Google และ Salesforce.com ให้บริการต่าง ๆ ของ Google เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของเว็บไซต์ของลูกค้า ได้แก่ บริการ อีเมล Gmail, การสนทนา - Google Talk , ปฏิทิน - Google Calendar , หน้าเว็บ - Google Page Creator , Docs & spreadsheets


     Gmail


ปฏิทิน


ปฏิทิน



ไดรฟ์



ศึกษาระบบการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (cloud computing) เพิ่มเติมได้ที่


http://www.youtube.com/watch?v=3JZV1codtq0
Big Data

     BIG DATA คือศิลปะและวิทยาศาสตร์ของการเก็บรวบรวมข้อมูล และความสามารถที่จะวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจ (ANALYTICS) ความแตกต่างของ Big Data คือปริมาณของข้อมูล ที่มีอย่างมหาศาล จนมากยิ่งกว่าที่ระบบฐานข้อมูลทั่วไปจะรองรับได้ และการกระทำ Analytics กับ Big Data มีความสลับซับซ้อน จนยากยิ่งกว่าที่เครื่องมือทั่วไปจะสามารถกระทำได้ Big Data จึงต้องอาศัยความสามารถเฉพาะทาง ประจวบกับเทคโนโลยีขั้นสูง ที่ต้องอาศัยนวัตกรรมของ Cloud Computing หรือ Grid Computing





      การแนะนำสินค้าอย่างอัตโนมัติ (Recommendation Engine) ของ Amazon ที่อาศัยสถิติของการเข้าชมและเลือกซื้อสินค้าของผู้ใช้งาน เพื่อแนะนำสินค้าใหม่เพื่อเพิ่มยอดขาย เป็นนวัตกรรมแรกที่อาศัย Big Data เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ ต่อมาเทคนิคในรูปแบบของ Amazon ได้มีการศึกษาอย่างกว้างขวาง และได้แตกแขนงออกเป็นการทำ Analytics ขั้นสูง เช่น Click Stream Analysis, Collective Intelligence, Collaborative Filtering ฯลฯ

     ด้วยเทคนิคของ Analytics ดังกล่าว อาศัยเพียงข้อมูลสถิติของลูกค้า เช่นว่าเขาได้เข้าชมและเลือกซื้อสินค้าอะไรบ้าง หรือได้เข้าเว็บไซต์อะไรบ้าง สามารถคำนวนเป็น Demographic ของลูกค้าอย่างแม่นยำ เช่น เพศ อาชีพ อายุ ที่อยู่ จวบจนกระทั่งสามารถแนะนำสินค้าที่ถูกต้องให้กับลูกค้าได้ นอกไปจากนี้ Analytics ชั้นสูงอย่างแท้จริง ยังสามารถชี้ตัวตนของลูกค้าได้ อย่างเป็นที่น่าตกใจ

     สำหรับ Google นั้น Big Data ที่สำคัญ คือสถิติการเข้าชมเว็บไซต์ต่างๆ และการใช้ Search Engine ของลูกค้า เพื่อที่สามารถทำ Analytics เพื่อเลือกนำเสนอโฆษณาที่ถูกต้องให้กับลูกค้าได้ ในนามของ AdChoice นอกจากนี้ Google ยังอาจสามารถใช้ข้อมูลอื่นๆ เช่น ข้อความที่ลูกค้าเขียนใน Gmail เพื่อเรียนรู้ถึงความต้องการของลูกค้าได้ นอกจากนี้ Google ยังได้มีทีมงานทางด้าน Big Data และ Analtics ที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีผู้เชี่ยวชาญระดับปริญญาเอกเป็นจำนวนมาก และเครื่องมือแรกเริ่มของ Cloud Computing หรือ Grid Computing ยังเป็นนวัตกรรมของของ Google ดั่งเช่น MapReduce หรือ Google File System และกระทั่ง Google Analytics ที่เป็นที่มาของการเริ่มใช้คำว่า Analytics อย่างแพร่หลาย



ข้อมูลอ้างอิงจาก: www.youtube.com

ข้อมูลอ้างอิงจาก: http://www.google.com/intx/th/enterprise/apps/business/

ข้อมูลอ้างอิงจาก: http://www.googleapps.in.th/

ข้อมูลอ้างอิงจาก: BIG DATA และ ANALYTICS เอาชนะตลาดด้วยฐานข้อมูล Cloud Computing โดย : ดร.อธิป อัศวานัน




วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553

ระบบปฎิบัติการ Solaris

ระบบปฎิบัติการ Solaris


โซลาริส (Solaris) หรือในชื่อเต็ม The Solaris Operating Environment เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ แบบยูนิกซ์ ที่พัฒนาโดย ซัน ไมโครซิสเต็มส์
ระบบปฏิบัติการโซลาริส ใช้ได้กับสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์สองแบบ คือ แบบ สปาร์ค และแบบ x86 (แบบเดียวกับในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วไป)



รุ่นแรก ๆ ของโซลาริสนั้น ใช้ชื่อว่า ซันโอเอส (SunOS) โดยมีพื้นฐานมาจากยูนิกซ์ตระกูลบีเอสดี. แต่ต่อมาในรุ่นที่ 5 ได้เปลี่ยนมาใช้โค้ดของ ซิสเต็มส์ไฟว์ (System V) แทน และเปลี่ยนชื่อมาเป็น โซลาริส ดังเช่นในปัจจุบัน, โดยเรียกโซลาริสรุ่นแรกว่า โซลาริส 2 และเปลี่ยนชื่อเรียกของซันโอเอสรุ่นก่อน ๆ เป็น โซลาริส 1.x, และหลังจากโซลาริสรุ่น 2.6 ก็ได้ตัด "2." ข้างหน้าออกไป และเรียกเป็น โซลาริส 7 แทน



รุ่นปัจจุบัน (ก.ค. 2548) ของโซลาริสคือ โซลาริส 10.
การพัฒนาบางส่วนของโซลาริสในอนาคต ขณะนี้ได้พัฒนาในโครงการ โอเพนโซลาริส (OpenSolaris) ซึ่งเป็นโครงการระบบปฏิบัติการแบบโอเพนซอร์ส

ประวัติ ระบบปฎิบัติการ Solaris

ในปี 1987, AT&T และ SUN ได้ประกาศให้บุคคลทั่วไปทราบว่าได้ร่วมกันทำโปรเจกต์ที่มีความลงตัวและต่างจาก Unix อื่นๆ ออกมาจำหน่ายในเวลานั้นคือ BSD, System V, and Xenix กลายเป็นที่มาของ Unix System V Release 4 (SVR4). วันที่ 4 กันยายน 1991 SUN ได้ประกาศให้มันเข้ามาแทนที่ BSD-derived Unix, SunOS 4 ซึ่งเป็นพื้นฐานของ SVR4 ที่มีอยู่, เป็นเอกลักษณ์ที่อยู่ภายใน SunOS 5, แต่เปลี่ยนชื่อทางการตลาดว่า Solaris , ในขณะที่ SunOS 4.1.x micro เปลี่ยนชื่อเป็น Solaris 1 จาก SUN, ชื่อ Solaris เกือบจะผูกขาดใช่เรียกทั้ง SVR4-derived SunOS 5.0 ในเวลาต่อมา โดยให้รวบรวมไว้ใน overbrand ใหม่ ยกเว้น SunOS แต่เช่นเดียวกันกับ OpenWindows graphical user interface และ Open Network Computing (ONC) ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง SunOS เวอร์ชันรองลงมาได้ใช้พื้นฐานจาก Solaris และออกสู่ตลาดภายใต้ชื่อ Solaris 2.4, รวบรวมเป็น SunOS 5.4 หลัง Solaris 2.6,โดย SUN ได้วางให้เป็นหมายเลข 2.ไปเรื่อยๆ Solaris7 รวบรวมเป็น SunOS 5.7 จนถึง SunOS 5.10 จาก Solaris10.Solaris เป็นระบบปฏิบัติการเครือข่ายที่ออกแบบสำหรับงานด้านโปรแกรม E-commerce


Solaris operating system






ระบบปฏิบัติการ Linux

ระบบปฏิบัติการ Linux

ลินุกซ์ (Linux) และรู้จักในชื่อ กนู/ลินุกซ์ (GNU/Linux) โดยทั่วไปเป็นคำที่ใช้ในความหมายที่หมายถึงระบบปฏิบัติการแบบยูนิกซ์ โดยใช้ลินุกซ์ เคอร์เนล เป็นศูนย์กลางทำงานร่วมกับไลบรารีและเครื่องมืออื่น ลินุกซ์เป็นตัวอย่างหนึ่งในฐานะซอฟต์แวร์เสรี และซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง ทุกคนสามารถดูหรือนำโค้ดของลินุกซ์ไปใช้งาน, แก้ไข, และแจกจ่ายได้อย่างเสรี ลินุกซ์นิยมจำหน่ายหรือแจกฟรีในลักษณะเป็นแพคเกจ โดยผู้จัดทำจะรวมซอฟต์แวร์สำหรับใช้งานในด้านอื่นเป็นชุดเข้าด้วยกัน

เริ่มแรกของของลินุกซ์พัฒนาและใช้งานในเฉพาะกลุ่มผู้ที่สนใจ ซึ่งในปัจจุบันลินุกซ์ได้รับความนิยมเนื่องมาจากระบบการทำงานที่เป็นอิสระ ปลอดภัย เชื่อถือได้ และราคาต่ำ จึงได้มีการพัฒนาจากองค์กรต่าง ๆ เช่น ไอบีเอ็ม ฮิวเลตต์-แพกการ์ด และ โนเวลล์ ใช้สำหรับในระบบเซิร์ฟเวอร์และพีซี เริ่มแรกลินุกซ์พัฒนาสำหรับใช้กับเครื่อง อินเทล 386 ไมโครโพรเซสเซอร์ หลังจากที่ได้รับความนิยมปัจจุบัน ลินุกซ์ได้พัฒนารับรองการใช้งานของระบบสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ในระบบต่าง ๆ รวมถึงในโทรศัพท์มือถือ และกล้องวีดีโอ
ลินุกซ์มีสัญญาอนุญาตแบบ GPL ซึ่งเป็นสัญญาอนุญาตที่กำหนดให้ผู้ที่นำโค้ดไปใช้ต้องใช้สัญญาอนุญาตแบบเดิมต่อคือใช้สัญญาอนุญาต GPL เช่นเดียวกัน ซึ่งลักษณะสัญญาอนุญาตแบบนี้เรียกว่า copyleft



Tux นกเพนกวิน สัญลักษณ์ของลินุกซ์


ประวัติระบบปฏิบัติการ Linux

ผู้เริ่มพัฒนาลินุกซ์ เคอร์เนลเป็นคนแรก คือ
ลินุส โตร์วัลดส์ (Linus Torvalds) ชาวฟินแลนด์ เมื่อสมัยที่เขายังเป็นนักศึกษาคอมพิวเตอร์ ที่มหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ โดยแรกเริ่ม ริชาร์ด สตอลแมน (Richard Stallman) ได้ก่อตั้งโครงการกนูขึ้นในปี พ.ศ. 2526 จุดมุ่งหมายโครงการกนู คือ ต้องการพัฒนาระบบปฏิบัติการคล้ายยูนิกซ์ที่เป็นซอฟต์แวร์เสรีทั้งระบบ ราวช่วงพ.ศ. 2533 โครงการกนูมีส่วนโปรแกรมที่จำเป็นสำหรับระบบปฏิบัติการเกือบครบทั้งหมด ได้แก่ คลังโปรแกรม (Libraries) คอมไพเลอร์ (Compiler) โปรแกรมแก้ไขข้อความ(Text Editor) และเปลือกระบบยูนิกซ์(Shell) ซึ่งขาดแต่เพียงเคอร์เนล(Kernel) เท่านั้น ในพ.ศ. 2533 โครงการกนูได้พัฒนาเคอร์เนลชื่อ Hurd เพื่อใช้ในระบบกนูซึ่งในขณะนั้นมีปัญหาเกี่ยวกับความเร็วในการประมวลผล
ใน
พ.ศ. 2534 โตร์วัลดส์เริ่มโครงการพัฒนาเคอร์เนล ขณะศึกษาในมหาวิทยาลัยแล้ว โดยอาศัย Minix ซึ่งเป็นระบบที่คล้ายกับ Unix ซึ่งมากับหนังสือเรื่องการออกแบบระบบปฏิบัติการ มาเป็นเป็นต้นแบบในการเขียนขึ้นมาใหม่โดย Torvalds เขาพัฒนาโดยใช้ IA-32 assembler และภาษาซี คอมไพล์เป็นไฟล์ไบนารี่และบูทจากแผ่นฟลอปปี้ดิสก์ เขาได้พัฒนามาเรื่อยๆจนกระทั่งสามารถบูทตัวเองได้ (กล่าวคือสามารถคอมไพล์ภายในลินุกซ์ได้เลย) และในปัจจุบันมีนักพัฒนาจากพันกว่าคนทั่วโลกได้เข้ามามีส่วนรวมในการพัฒนาโครงการ Eric S. Raymond ได้ศีกษากระบวนการพัฒนาดังกล่าวและเขียนบทความเรื่อง The Cathedral and the Bazaar
ในรุ่น 0.01 นี้ถือว่ามีเครื่องมือที่เพียงพอสำหรับระบบ POSIX ที่ใช้เรียก ลินุกซ์ ที่รันกับ กนู Bash Shell และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและอย่างรวดเร็ว
โตร์วัลดส์ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาระบบต่อไป ซึ่งต่อมาก็สามารถรันบน
X Window System และมีการเลือกนกเพนกวินที่ชื่อ Tux ให้เป็นตัวนำโชคหรือ Mascot ของระบบลินุกซ์




ริชาร์ด สตอลแมน ผู้ก่อตั้ง โครงการกนู


ลินุส โตร์วัลดส์ ผู้ให้กำเนิด ลินุกซ์ เคอร์เนล









ระบบปฏิบัติการ windows

ระบบปฏิบัติการ windows

ระบบปฏิบัติการ Windows เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้ในการจัดการและควบคุมการทำงานต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น การจัดการเกี่ยวกับการแสดงผลบนจอภาพ รับข้อมูลทางแป้นพิมพ์หรือเมาส์ การจัดการเกี่ยวกับแฟ้มข้อมูล การพิมพ์แฟ้มข้อมูล การทำสำเนาแฟ้มข้อมูล การเปลี่ยนชื่อแฟ้มข้อมูล การเก็บแฟ้มข้อมูล การติดตั้งโปรแกรม เป็นต้น มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จาก Windows3.11 Windows95 Windows98 Windows98Me มาเป็น WindowsXp



การทำงานของวินโดวส์จะแสดงโดยใช้รูปภาพเล็ก ๆ หรือที่เราเรียกว่า ไอคอน (Icon) สื่อความหมายตามคำสั่งของโปรแกรม ซึ่งจะทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น โปรแกรมวินโดวส์นี้ จะจำลองการทำงานบนจอภาพให้มีลักษณะเหมือนกับโต๊ะทำงาน คือ มีปฏิทินตั้งโต๊ะ นาฬิกา เครื่องคิดเลข หรืออาจมีเอกสารวางซ้อนทับกัน โดยโปรแกรมจะกำหนดให้อุปกรณ์แต่ละชิ้นมีกรอบสี่เหลี่ยมล้อมรอบ และกรอบที่ว่าเรียกว่า หน้าต่าง สามารถเปิด-ปิด และยังสามารถเปิดงานขึ้นทำงานในขณะเดียวกันได้มากกว่า 1 งาน เรียกว่า ระบบหลายภารกิจ (Multitasking)

คุณสมบัติของวินโดวส์
หน้าต่างของ วินโดวส์ ได้ปรับปรุงให้อยู่ในรูปแบบที่ผู้ใช้สามารถติดต่อใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ง่าย (new user interface) ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น
วินโดวส์ จะทำการตรวจสอบอุปกรณ์ที่ติดตั้งใหม่และทำการกำหนดข้อมูลในระบบให้อย่างอัตโนมัติ (Plug and Play)
วินโดวส์ สนับสนุนการทำงานแบบสื่อประสม โดยมีดปรแกรมจัดการเกี่ยวกับเรื่องวีดีทัศน์ (video for windows) และแฟ้มข้อมูลในแผ่นซีดี (CD-ROM file system)
วินโดวส์ มีระบบการด้านการติดตั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ที่ไม่ยุ่งยาก ระบบสนับสนุนการเชื่อมต่อสถานีปลายทางไปยังเครือข่ายต่าง ๆ รวมทั้งสามารถต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตได้ด้วย



วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Welcome to My Blogger


Hello!!! every body


Welcome to My Blogger


**********************************************************
**********************************************************